ครูหมีขี้บ่น
สัจธรรม
by admin on ส.ค..27, 2024, under ครูหมีขี้บ่น
ต้นไม้ ธรรมชาติ มนุษย์ สัตว์ สุดแต่ใครจะใฝ่หาหนทางของตนเอง มองต้นไม้ที่มีอยู่แล้วรอดูวันสูงใหญ่ด้วยราก แสงสว่าง ลม ฝน สารอาหารที่หล่อเลี้ยงเป็นไปตามวิถีธรรมชาติ
รถการ์ตูนเคลื่อนที่
by admin on ก.ค..18, 2020, under ครูหมีขี้บ่น
เมื่อสัก 7-8 ปีก่อนผมเคยฝันอยากมีรถตู้ไว้พาเด็กๆไปทำกิจกรรมโน่นนี้นั้น จึงซื้อรถตู้มือสองมา 1 คัน ในราคาที่ถูกมากคือ แสนเดียว เป็นไฮเฮทหลังคาต่ำ เครื่อง 2j ติดแก๊ส LPG เอามาใช้งานได้ดีมาก ทำเครื่อง ช่วงล่างดีหมด ไปไกลถึงระยองก็ไปมาแล้ว ไปโคราช เสิงสางก็ไปมาแล้ว รถพร้อมใช้มาก…แต่พอใช้งานไปเรื่อยๆ รถใช้แก็สเริ่มโดนบีบจากภาครัฐ เริ่มจากการตรวจสภาพที่เข้มงวดจากถัง 10 ปี เหลือ 5 ปี จนเหลือปีต่อปี ทำให้ค่าใช้จ่ายในการต่อภาษีแต่ละปีเริ่มแพงมากขึ้นเพราะต้องพ่วงเรื่องการตรวจสภาพแก็สไปหลายๆทาง จึงจำใจต้องขายรถตู้ทิ้งไปเพราะสู้ภาระไม่ไหว ไปได้รถกะบะของน้องชายเครื่องดีเซลมาใช้งานแทน ยังเสียดายอยู่ทุกวันนี้ซึ่งถ้าตอนนั้นซื้อรถตู้เครื่องดีเซลมาซะแต่แรก วันนี้โครงการรถตู้ห้องสมุดเคลื่อนที่ (book truck) คงสำเร็จตามฝันไปแล้ว ไม่เป็นไร รอจังหวะและโอกาสดีๆ ผมเชื่อว่า(ฝัน) ผมจะได้รถตู้เครื่องดีเซลมาทำ book truck ได้ๆแน่ เสียดาย….งวดนี้ไม่ถูกหวย(หวังทุกงวดเมื่อไรจะถูกฮ่าๆๆๆ)
วันนี้มีโครงการจากเด็กๆ นำเสนอมาว่าอยากทำห้องสมุดการ์ตูนเคลื่อนที่ ผมได้แรงขับดันอีกครั้งในการทำความฝันตัวเอง แม้จะยังไม่มีรถแต่เดี๋ยวก็คงมีน่า….รถอะไรก็ขนๆกันไป ขอแค่มีเด็กอยากทำก่อน เลยเริ่มรื้อหนังสือการ์ตูน บอร์ดเกมที่ตัวเองเก็บสะสม(วางทิ้งไว้) เป็น 10 ปี บางอย่าง 20 ปี เอามาปัดฝุ่นและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ชีวิตต้องมีเป้าหมาย วันนี้ผมตื่นขึ้นมาทำงานอย่างมีความสุขครับ
ทีมครูหมีอ้วน
วันนี้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว
by admin on เม.ย..01, 2018, under ครูหมีขี้บ่น
วันนี้คือวันบรรจุเข้ารับข้าราชการวันแรกเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ในภาพนั้นคือบ้านพักครูที่สภาพใกล้พังฮ่าๆๆไม่มีคนอยู่แต่เราอยู่มาจนครบ5ปี บันไดหัก พื้นทะลุ ผนังพัง น้ำรั่ว สารพัด ขับรถจากบ้านไปที่ ร.ร. นั้น 420 กม. ไปกลับครั้งละ1,000 กม.
– ตลาดร้านค้าใกล้สุดจาก ร.ร. 20 กม.
– ร.ร. เป็น ร.ร. มัธยมประจำตำบล และบ้านนอกอย่างแท้ทรู ตั้งอยู่กลางป่าไม่ติดชุมชนใดๆทั้งสิ้น ปกติ ร.ร. ต้องอยู่ในชุมชน ยกเว้นที่นี้ เพราะที่แถวนั้นเป็น สปก ไม่มีโฉนด มีที่ตรงนี้ที่ชาวบ้านบริจาคให้มีโฉนด(กลางป่า)ให้สร้าง ร.ร. น.ร. ไม่สามารถเดินมาเรียนได้ หมู่บ้านใกล้สุดห่างไป 6 กม. รองรับหมู่บ้านทั้งหมด 13 หมู่บ้าน
– ไปช่วงแรกไม่มีสัญญานโทรศัพท์ หรืออินเตอร์เน็ท จะโทรต้องเดินหาสัญญาน (แต่ต่อมาสัก 1 ปีกว่าๆ สัญญานก็เข้าถึงหมด)
– อยู่ที่นั้นมา 5 ปี รถเสีย พังไปทั้ง สามคัน ซ่อมจนสนิทกับช่างที่นั้น
– น้ำหนักลดไป 20 กว่ากิโล (ปัจจุบันกลับมาเท่าเดิมแล้ว) เพราะไม่ค่อยได้กินข้าว อาหารต้องทำเอง เลยไม่ค่อยทำ ที่นั้นกินทุกอย่าง เน้น!!! ว่าทุกอย่าง ของแปลกนี้เจอประจำ ต้องถามก่อนทุกครั้งว่าตัวอะไร
– ใช้ชีวิตแบบ ครูบ้านนอกเต็มตัว ชาวบ้านให้เกียรติครูมาก วัยรุ่นนักเลงหมู่บ้านเยอะแต่ไม่เคยทำร้ายครู มีปะทะกับนิดหน่อย เพราะไปปกป้องนักเรียนจากการตีกันใน ร.ร. คนนอกมายิงปืนหน้า ร.ร. แจ้งตำรวจแปปเดียว ตำรวจลากคอมากราบขอขมาถึงบ้านพัก เลิกแล้วต่อกัน ชาวต่างด้าวมหาศาล นอนหลับอุ่นใจทุกวันด้วย GLOCK19 2 แม็ก
– นักเรียนน่ารัก ถึงจะเกเรบ้างแต่ก็ฟังกัน ชีวิตมีความสุขมาก เพื่อนร่วมงานดีเกือบหมด(มีเหี้ยบางตัว) ผอ ดี(เป็นบางคน)
– อยู่จนสอนเด็กจบ ม.6 ตอนแรกลังเลที่จะกลับบ้านเพราะกำลังสนุกกับที่นี้ แต่ ได้รับคำแนะนำจาก ผู้ใหญ่ที่เคารพว่า
“ชีวิตเราต้องเดินหน้านะหนุ่ม อายุยังน้อยยังไปทำประโยชน์ได้อีกมหาศาลก้าวต่อไปอย่าห่วงคนข้างหลัง เค้าอยู่กันได้แล้ว แต่เรายังต้องไปต่อ ไปเถอะกลับไปพัฒนาบ้านเกิด……” วันรุ่งขึ้นเขียนย้ายเลย
คิดถึงอดีตที่สอนให้เป็นครูแบบทุกวันนี้
สวนสัตว์ลพบุรี
by admin on เม.ย..12, 2016, under ครูหมีขี้บ่น
เมื่อไม่กี่วันก่อนได้มีกระทู้ที่เว็บบอร์ดสาธารณะขนาดใหญ่แหล่งรวมความบันเทิง รวมคนเก่ง คนเกรียน คนรู้จริง คนรู้ปลอม ได้มีคนมาโพสต์เกี่ยวกับ “สวนสัตว์ลพบุรี” ว่า “สวนสัตว์ลพบุรี ทุกวันนี้แย่ได้ขนาดนี้แล้วหรอ? สงสารสัตว์ที่ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้” และได้มีการกระจายแชร์กันสนั่นไปทั่วโลกอินเตอร์เน็ทและที่พีค (Peak) สุดคือมาลงที่กลุ่ม ของคนลพบุรีใน facebook แห่งหนึ่ง และมีคนลพบุรีเข้าไปกระหน่ำโจมตีด้วยข้อความ ถ้อยคำที่รุนแรง มีมาทั้งภาพ หลักฐานยืนยันมากมาย และแชร์กันต่อไปอีกไม่รู้เท่าไร จากแหล่งข้อมูลข้างต้น ซึ่งเป็นการเสนอมุมมองฝั่งเดียวด้วยภาพและข้อมูลที่จริงมั่ง เวอร์เกินไปมั่ง และ เกือบ!!!ทั้งหมดอาศัยข้อมูลที่มีอยู่ในความทรงจำไม่ได้เดินเข้าไปสัมผัสความจริง!!!! ในตอนนี้เลย……
ซึ่งก็ต้องบอกกันตามตรงว่าตัวผมก่อนหน้านี้เคยเข้าไปอยู่ก็นานหลายปีแล้ว สมัย “สุนัขเลี้ยงนมเสือ” ตอนนั้นก็มีเสืออยู่รวมกันกับหมาที่เป็นแม่หมาและลูกๆเพื่อนต่างสายพันธุ์ นานมากแล้ว ภาพในความทรงจำของสวนสัตว์ลพบุรีในวัยเด็กที่สวนสัตว์มีแต่ความสนุก ความสุข ด้วยความที่เราเป็นเด็กเราไม่เข้าใจหรอกว่ามันเป็นอย่างไงจำได้แต่สิ่งดีๆ มีสัตว์ให้ดูมากมาย เสือ สิงโต ช้าง ม้า ลิง งู เต่า จระเข้ หมี กวาง และอื่นๆอีกเยอะเลย ที่ชอบที่สุดก็คงลงไปปั่นเรือในสระที่มีปลามากมาย แต่แม่ไม่ค่อยอยากให้ลงเพราะอันตราย แต่ถ้าถามว่าสภาพสวนสัตว์ในตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันไหมผมว่าก็ไม่ต่างกันเท่าไรเพียงแต่เราอยู่ในช่วงคนละอายุกัน มุมมองมันเลยต่างกัน …
พอหลังจากเกิดกระแสในโลกอินเตอร์เน็ทโจมตีการดูแลรักษาของสวนสัตว์ลพบุรี วันรุ่งขึ้นผมและเพื่อนๆ ก็มีนัดกับทาง ผอ. สวนสัตว์พอดีเลย เพื่อเข้าไปวาดภาพภายในสวนสัตว์ ซึ่งมีการพูดคุยกันมาพอสมควรแล้วเรื่องการอาสาสมัครครั้งนี้ก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้มานานมากไม่ใช่พอเกิดเรื่องถึงเข้าไปทำงานตรงนี้ ต้องบอกตามตรงว่าไม่เคยเข้าไปสวนสัตว์เลยในระยะ 5 ปีที่ผ่านมาหรืออาจมากกว่านั้นจำไม่ได้อาจจะถึง 10 ปี ทำให้ภาพในหัวของสวนสัตว์ที่พอจะเดาออกก็ไม่พ้นภาพที่ ชาวอินเตอร์เน็ทเอามาลงกันนั้นล่ะ คือ แย่มาก……
พอได้เวลานัดหมายเข้าไปพบกันที่สวนสัตว์ผมและเพื่อนๆ ได้เข้าไปเจอ พันโทนิวัติ บุญประดิษฐ์ ผู้อำนวยการสวนสัตว์ลพบุรี หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ได้นั่งพูดคุยกันเรื่องงานถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ทักทายผู้ร่วมงานน้องๆทุกคนอย่างมีไมตรีจิต พูดคุยถึงแนว Concept การสนับสนุนอุปกรณ์และกำลังพล การพัฒนาพื้นที่ต่างๆ เวลาในการทำงาน การเข้าออก การสนับสนุนแสงสว่างกันจนเข้าใจ…… ก่อนที่จะเข้าประเด็นเรื่องที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้ พอเข้าเรื่องนี้จากที่ พี่นิวัติ (ขอเรียกพี่เลยละกันครับ) กำลังคุยสนุกสนานก็นิ่งไปสักพักก่อนจะเริ่มเล่าให้ฟังว่า (เหตุการณ์ต่อไปนี้จะเขียนเท่าที่จำได้เพราะไม่ได้บันทึกหรือขอสัมภาษณ์เป็นเพียงการพูดคุยกันธรรมดา)
“ผมเห็นข่าวแล้วครับแต่ก็ไม่รู้จะไปอธิบายให้คนอื่นเค้าเข้าใจได้ไหม อธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์กับสิ่งที่เรากำลังพยายามทำอยู่ตอนนี้ ผมเคยอธิบายว่าเรามีพื้นที่ 100 กว่าไร่ กำลังคน 40 คน ทำงาน 6.00 – 20.00 ทุกวัน ไม่นับเวรยาม ทั้งความสะอาด สวน ต้นไม้ การดูแลให้อาหาร รักษาสัตว์ แต่ก็มีคนมาต่อว่า “แล้วทำได้แค่นี้เหรอ” ผมเลยไม่ตอบดีกว่า เอาเวลามาทำงานให้สบายใจมีความสุขดีกว่า ตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ผมมาทำงาน ผมทำงานเต็มที่พัฒนาไปหลายสิ่งหลายอย่าง ตามกำลังที่สามารถทำได้ แต่จะได้ดีเลิศทันทีเลยคงไม่ได้”
ผมถาม “แล้วพี่มีงบพัฒนาอย่างไงครับ”
พี่นิวัติ ชี้มือไปทาง กระดานรายรับรายจ่ายประจำวันที่หน้าห้องประชุม “นั้นเลยครับดูได้เลย รายรับรายจ่ายเรามีรายได้ต่อวันอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 บาท ในวันธรรมดา และ 10,000 – 20,000 บาท ในวันหยุด นี้คือรวมรายรับทุกอย่างแล้ว ถ้าอยากดูบัญชีก็ให้ดู (แต่ผมปฏิเสธไปเนื่องจากผมไม่ใช่คนมาตรวจสอบแค่ต้องการรู้เรื่องราวเท่านั้น) แต่รายจ่ายค่าอาหารของสัตว์เราจ่ายทุกวันวันละ 8000 กว่าบาท (มีตัวเลขค่าอาหารอยู่บนกระดานแต่ผมจำเศษไมได้) ก็เรียกได้ว่าเราขาดทุนแทบทุกวัน ไม่นับรายจ่ายอื่นๆ ค่าสาธารณูปโภค ค่าแรงช่าง ลูกจ้าง(ที่ไม่ใช่ทหาร) วัสดุซ่อมแซม ซึ่งบางอย่างก็ได้รับการสนับสนุนมาจากต้นสังกัดและผู้ที่ให้การสนับสนุนมา แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการพัฒนาทั้งหมดได้ต้องค่อยๆทำไป ….. ก็ไม่รู้ว่าเราอยู่กันมาได้อย่างไง…..” พอพี่เค้าพูดจบทุกคนก็นั่งเงียบไปสักพักเพราะอึ้งกับข้อมูลอยู่ ก่อนที่ผมจะตัดบทว่า “งั้นเข้าไปดูพื้นที่ทำงานที่จะให้วาดภาพดีกว่าครับ” ก่อนที่พี่เค้าจะเชิญทุกคนเข้าไปพร้อมกัน
พี่นิวัติพาเดินเข้าทางประตูเจ้าหน้าที่เริ่มเดินจากด้านข้างไปจุดแรกคือกรงหมีขอและหมีควาย ซึ่งตรงนี้มีภาพวาดเก่าที่ชำรุดอยู่ก็เลยขอพี่เข้าทำตรงนี้เลยเพราะเข้าทางผมพอดี พี่นิวัติก็โอเคพร้อมกับจะให้คนมาเตรียมปรับพื้นที่ให้ ระหว่างนั้นพี่เค้าก็พาไปเดินจุดต่างๆ ตามที่พี่เค้าลงสีรองพื้นไว้ให้จะเห็นได้ว่า พี่เค้าเตรียมพื้นที่ไว้ให้แล้วมีการวางแผนมาแล้วว่าจะให้ปรับปรุงภูมิทัศน์ตรงไหนบ้าง และก็บอกว่าถ้าอยากได้ที่ตรงไหนอีกเพิ่มอีกก็บอกได้จะเตรียมพื้นที่ให้ไม่มีปัญหา ระหว่างเดินไปนั้นผมก็สังเกตจุดของกรงต่างๆ และบรรยากาศโดยรอบของสวนสัตว์หลังจากที่ไม่ได้เข้ามาหลายปี ก็ต้องบอกเลยว่าไม่ได้ต่างแตกไปจากสมัยเด็กสักเท่าไร และหากมองไปถึงความเป็นอยู่ของสัตว์ก็แทบจะเรียกได้ว่ามีการนำสัตว์ใหม่ๆเข้ามาอยู่ตามกรงจนแทบจะครบถ้วนทุกกรง (เรื่องชนิดและจำนวนของสัตว์จะขอข้ามไปก่อน) สภาพแวดล้อมความสะอาดของทางเดิน ต้นไม้ สวนหย่อมบอกได้เลยว่าสมบูรณ์มาก หญ้าเขียวขจี ต้นไม้เขียวสวยสดใส ความสะอาดและการพัฒนามีให้เห็นทุกจุด นักท่องเที่ยวมีไม่เยอะมาก พอดีช่วงที่ไปกำลังมีการแสดงของลิงอุรังอุตัง น้องบูบู้ น้องกะลา ทายาทของไมค์ ซูซู คนเลยไปรวมกันที่นั้นเยอะ ก็ได้ยืนชมการแสดงพอสมควรเพราะต้องเดินสำรวจหน้างานต่อ การแสดงก็ไม่ต่างกันสวนสัตว์ชั้นนำอื่นๆ ฉลาดและน่ารักจริงๆ จากนั้นก็เดินไปชมส่วนต่างๆของพื้นที่ต่อ จะสังเกตเห็นได้ว่ามีร้านค้าและพ่อค้าแม่ค้ามาขายของตามปกติ แต่มีห้องบางที่ที่ปิดทำการอยู่ ก็ไม่แปลกใจเท่าไรเพราะคนน้อยมากเปิดเยอะไปก็ไม่คุ้ม จนเดินไปสักพักวนเข้ามาที่ตรงกลางซึ่งเป็นประเด็นของข่าวเลยคือ กรงเสือ บ่อเต่า บ่อสัตว์อื่นๆ กรงสิงโต บ่อปลาจระเข้ (บอกตรงๆเพิ่งเคยเห็นตัวเป็นๆ ปกติเห็นแต่ในทีวี) ระหว่างที่เดินมาถึงก็มีการแสดงจับงูพิษโชว์นักท่องเที่ยวก็ได้รับความสนใจพอสมควร มีงูเผือกไว้ให้ลองสัมผัสด้วย มาถึงบ่อปลาจระเข้ที่มีคนลงว่าน้ำแห้งไม่มีปลา หรือมีอยู่ตัวเดียวกับปลาดุก บอกเลยครับ มีเต็มบ่อ ผมมองคราวๆแล้วไม่ต่ำกว่า 5-6 ตัวตัวใหญ่ๆด้วย มาถึงกรงสิงโตที่จากข่าวบอกว่าผอมมากซึ่งได้สอบถามแล้วได้รับคำตอบว่ามันไม่สบายป่วยอยู่เลยไม่ค่อยแข็งแรงก็รักษากันไปตามปกติไม่ได้ปล่อยละเลยดูแลตลอด ส่วนกรงเสือ มาถึงก็เจอคนยืนดูอยู่ค่อนข้างเยอะ จากการสังเกตจากข่าวที่บอกว่าเสือผอมมาก ผมบอกเลยไม่จริง เสือดูมีน้ำมีนวลซะด้วยซ้ำ ทรวงทรงองอาจสมกับเป็นเสือไม่ได้ผอมกิ่วแบบที่คนเขียนข่าวแต่อย่างใด แถมระหว่างยืนดูเสือ 2 ตัวก็หยอกล้อเล่นกันซะน้ำกระจายแข็งแรงสมบูรณ์ฟัดกันนัวเนียเสียงคำรามลั่นกรงเลย…
ถ้ามาถึงตรงนี้ผมยืนดูมองไปรอบๆตัว ซึ่งตรงนี้เป็นศูนย์กลางของที่นี้ ก็กล้าพูดได้เลยว่านี้ล่ะ “สวนสัตว์ลพบุรีในความทรงจำของผม” ไม่ได้ต่างไปจากเมื่อก่อนเลย ความสมบูรณ์ ความสะอาดและความสวยงามของสถานที่ยังคงเหมือนเดิมและมีการพัฒนาต่อขึ้นไปอีก มองไปด้านหน้ามีช่างกำลังต่อเพิงขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรแต่มีช่างกำลังทำอยู่ มองไปด้านข้างมีทหารกำลังกวาดเศษใบไม้อย่างต่อเนื่อง มองไปด้านหลังเห็นนักท่องเที่ยวกำลังชมการสาธิตจับงูพิษจากวิทยากรและส่งเสียงเฮๆ อยู่อย่างสนุกสนาน ต้นไม้ ต้นหญ้าเขียวจนไม่คิดว่านี้อยู่ในหน้าร้อนและแล้งขนาดนี้ยังทำให้เขียวได้ แล้วทำไม!!!!! คนถึงเอาไปเขียนแบบนั้น?????
หลังจากที่พี่นิวัติพาเดินจนครบและพูดคุยเรื่องงานกันจนเสร็จแล้วผมก็เลยเข้าไปสอบถามอีกครั้งว่า “พี่นิวัติครับสวนสัตว์ก็โอเคเลยนะพี่ไม่ได้แย่อย่างที่เค้าว่าเลย” พี่เค้าก็บอกมาว่า “นั้นละครับผมก็ไม่รู้จะไปอธิบายให้เค้าเข้าใจอย่างไง ว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ปล่อยปะละเลยเลย บางคนมาต่อว่าว่าทำไมสัตว์น้อยจัง เค้าไม่เคยถามเหตุผลในความเป็นจริงหรอกครับ เค้าเข้ามาแล้วก็บอกว่าที่นี้ไม่มีสัตว์อะไรให้ดูเลย มีน้อยจัง สู้ที่นั้น ที่โน่นไม่ได้ ผมบอกเลยที่นี้มันไม่ใช่แค่สวนสัตว์แล้วที่นี้คือประวัติศาสตร์ มันคือสวนสัตว์แห่งแรกๆ ของประเทศเลยตั้งแต่ยุคสมัยจอมพล ป. 2483 ดูนั้นสิครับ เสาไฟฟ้ายังเป็นของตั้งแต่สมัยจอมพล ป. กรงนี้ครับตั้งแต่ 2483 มันเป็นแหล่งรวมประวัติศาสตร์ ไหนจะจุดท่อน้ำดินเผาสมัยสมเด็จพระนารายณ์อีก ที่นี้มันเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ไปแล้ว ส่วนเรื่องสัตว์ การเพิ่มจำนวนนั้นในปัจจุบันนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะอะไร เพราะอย่างแรก กฎหมายคุ้มครองสัตว์ป่า ที่เข้มงวด การจะนำเข้า ซื้อขายเข้ามานั้นเรียกได้ว่าหมดสิทธิ์เลย เมื่อก่อนสัตว์ส่วนมากที่ได้มาก็เพราะยึดมาได้จากประชาชน หรือสัตว์เจ็บป่วยดูแลไม่ไหวก็ยกให้เราและไม่สามารถปล่อยเข้าป่าเพราะถูกเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กหากินเองไม่เป็น แต่ในปัจจุบันไม่มีใครกล้าเลี้ยงแล้วเพราะกฏหมายแรงมาก เรื่องจะซื้อเข้ามายิ่งไม่มีทางถึงมีทางก็ต้องใช้เงินมหาศาลในการซื้อหรือการแลกเปลี่ยนทางทรัพยากรของประเทศ และสิ่งที่เป็นข้อจำกัดอย่างมากของเราคือ ค่าอาหาร ที่ทุกวันนี้ก็ติดลบทุกวันอยู่แล้ว ถึงได้สัตว์มาก็ไม่สามารถแบกรับภาระได้ไหวมากไปกว่านี้แล้ว สัตว์โดยส่วนมาก จึง!! เมื่อมาอยู่กับเรา เราก็เลี้ยงและดูแลจนตายจากกันไปและไม่มีมาเพิ่มแล้ว ที่มีมาเพิ่มตามที่เห็นตามกรงต่างๆ ก็เป็นสัตว์ที่ไม่ได้หาดูยากมาก จนบางคนบอกว่าตามตลาดนัด (คงหมายถึงจตุจักร) ก็มี เราก็ทำได้แค่นี้ละครับ….”…….
นี้คือความเป็นจริงทั้งหมดของ “สวนสัตว์ลพบุรี” ที่เป็นของคนลพบุรี ถ้าเราไม่ร่วมกันพัฒนาหรือช่วยกันปกป้องรักษาไว้ ความทรงจำในวัยเด็กที่ทุกคนอ้างถึงถวิลหา อยากให้มีเหมือนเดิมจะกลับมามีเหมือนเดิมได้ไหม ในวันนี้ทุกคนช่วยกันแล้วรึยัง ลงมือทำในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อลพบุรีบ้านเกิดของเราแล้วหรือยัง ถ้ายังลองถามตัวเองว่าพอจะทำอะไรตามกำลังของตัวเองได้บ้าง เพื่อที่จะช่วยรักษา ดูแล บางสิ่งบางอย่างของบ้านเราไว้ ดีกว่ามานั่งทะเลาะกัน โจมตีกัน มุ่งหาคนผิด คนรับผิดชอบ เรานั้นล่ะครับผู้รับผิดชอบต่อสังคม เริ่มทำในสิ่งที่คุณคิดว่าตัวคุณทำได้ แม้ไม่รู้ว่าจะได้รับอะไรตอบแทน หรือประสบผลสำเร็จไหม แต่มันก็ยังภูมิใจกับตัวเราว่า เราลงมือทำแล้วนะไม่ได้พูดอย่างเดียว ทำแล้วสบายใจ มีความสุข ไม่ต้องไปฟังเสียงของคนที่เอาแต่พูด พิมพ์ ต่อว่า โดยที่คนคนนั้นไม่ได้ทำอะไรเลย……เริ่มที่ตัวท่านก่อนครับว่า
“เราทำอะไรให้บ้านเกิดของเราแล้วหรือยัง”
ครูหมีอ้วน 12 เมษายน 2559
ปล. ผมเสนอมุมมองใหม่ให้สำหรับคนที่มีอคติกับเรื่องนี้ และต่อต้านการบริหารจัดการที่คุณมองว่าไม่เข้าท่า โดยส่วนตัวผมก็บอกเลยไม่ชอบการขังสัตว์เท่าไร และรักธรรมชาติ ดำเนินกิจกรรมเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติและสัตว์ป่ามาโดยตลอด ร่วมกับอาสาสมัครทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มใบไม้ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และถวิลหาการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติเชิงนิเวศเสมอ ฉะนั้นการที่สวนสัตว์ลพบุรีมีจำนวนสัตว์ที่น้อยแต่พอดีไม่แออัดหนาแน่นและมีสภาพความเป็นอยู่ของสัตว์ที่ผมมองว่าค่อนข้างโอเค ซึ่งจำนวนและปริมาณ ประเภทและชนิดของสัตว์ในสวนสัตว์ลพบุรีนั้นไม่ถือว่ารบกวนธรรมชาติจนเกินไปถ้ามองว่านี้คือแหล่งทัศนศึกษาของเด็กๆในการพบเจอสัตว์ป่าในตัวเมืองผมก็รับได้
มุมมองที่ผมอยากให้ทุกท่านมองเห็นและก้าวผ่านไปด้วยกันคือ ถ้าเรามองว่า สวนสัตว์ลพบุรี เป็นแหล่งพักผ่อน หย่อนใจแบบธรรมชาติ มีต้นไม้ใหญ่ สระน้ำ พายเรือ เดินเล่น ดูนก ดูสัตว์ ให้อาหารกวาง กระต่าย กับค่าเข้า ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท!!!! (ไม่นับค่าจอดรถนะครับ) ผมบอกเลยผมยอมจ่ายเพื่อให้ เด็กๆได้เข้าไปเดินเล่น วิ่งเล่น มันคือ สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ กลางเมืองใหญ่ สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ไปวิ่งออกกำลัง ไปเดินออกกำลัง จ่าย 20-30 บาทช่วยค่าอาหารสัตว์ในนั้น ทำกับข้าว ซื้อกับข้าว หรือแม้กระทั่งไปซื้อกับข้าวจากพ่อค้าแม่ค้าในสวนสัตว์ลพบุรี ไปปูเสื่อนั่งปิคนิคข้างสระน้ำ สนามเด็กเล็ก หรือที่ที่สงบในสวนสัตว์เหมือนภาพในวัยเด็กที่ผมจำได้ว่าไปนั่งเล่นกับพ่อแม่ ซึ่งจะช่วยให้เค้ามีรายได้ไปอีกไม่รู้ต่อกี่ชีวิตมนุษย์หมุนเวียนกันอยู่ในจังหวัดลพบุรี แทนการ !!!!! พาลูกหลาน คนในครอบครัว เดินทางไปที่ห้างดังๆในเมืองลพบุรี รถติด ไปจ่ายค่าอาหารราคาแพง เงินไหลออกประเทศไปสู่นายทุนข้ามชาติ ผมไม่ได้บอกให้ทุกท่านเลิกไปห้างเพราะผมก็ไปอยู่ แต่ผมอยากให้ลองเปลี่ยนบรรยากาศในการสูดแอร์ในห้าง มาสูดอากาศใต้ต้นไม้ใหญ่ อากาศข้างสระน้ำ ทำกิจกรรมกลางแจ้งกับคนใกล้ตัวคุณบ้างที่ “สวนสัตว์ลพบุรี” สักเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อนำค่าเข้า 20-30 บาท มาช่วยเหลือค่าอาหารสัตว์ที่คุณว่าอดอยากและพัฒนาสวนสัตว์ให้ดีขึ้นตามความต้องการของทุกคน เปลี่ยนจากการยึดติดความคิดที่ว่า มาสวนสัตว์ต้องมีสัตว์ให้ดูมากมาย เป็น “สถานที่พักผ่อนและมีสัตว์ให้ชม” จะดีไหมครับ….
Graffiti? Street art? คืออะไร???? ตอนที่#3
by admin on มี.ค..31, 2016, under ครูหมีขี้บ่น
Graffiti? Street art? คืออะไร???? ตอนที่#3
จากผู้เขียน
….บทความต่อจากนี้เป็นความคิดเห็นและความรู้เท่าที่ตัวเองมีอยู่ ไม่ได้เป็นมาตรฐานหรือบรรทัดฐานหรือข้อเท็จจริงแต่ประการใด เป็นเรื่องของการรวบรวมความรู้ประสบการณ์ของตนเอง และที่อ่านๆมาอันน้อยนิดที่อยากจะบรรยายออกมาเท่านั้น…..
Graffiti หรือที่คนไทยเรียกกันว่า กราฟฟิตี้ หมายถึง “รอยขูดขีดบนผนัง” เป็นคำศัพท์ที่มาจากภาษากรีก คือคำว่า graphein ที่แปลว่า”การเขียน” และคำว่า “graffiti” โดยตัวของมันเองเป็นคำพหูพจน์ของคำว่า “graffito” ในภาษาอิตาเลียน #5 กล่าวย้อนไปจนถึงในสมัยยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มนุษย์เริ่มเขียนภาพจิตรกรรมครั้งแรกบนผนังถ้ำอัลตามิรา (ALTAMIRA) ประเทศสเปน ซึ่งเขียนเป็นภาพ “วัวไบชัน” #6 10,000 กว่าปีที่แล้วอันถือว่าเป็นภาพจิตรกรรมยุคแรกๆของมนุษย์เลย (ออกข้อสอบบ่อยมากครับเรื่องนี้ตั้งแต่ประถมยันสอบเข้ารับราชการครูศิลปะ) นั้นถือเป็น Graffiti ชิ้นแรกๆด้วยเหมือนกัน
ฉะนั้นเมื่อเหล่าศิลปินถือว่าภาพ “วัวไบชัน” ที่กล่าวมานั้นเป็น Graffiti ซึ่งจริงๆตามหลักวิชาการศึกษาของศิลปะ นั้นคือ งานจิตรกรรม (Printing) ก็สามารถพอจะสรุปได้ว่า Graffiti คือ จิตรกรรมฝาผนัง ตามที่เราเข้าใจนั้นเอง…….. แล้วทำไม อยู่ๆถึงกลายมาเป็น Graffiti ล่ะ???? คำศัพท์เท่ๆ เรียกยากๆ แบบนี้มาจากไหน ตามข้อความข้างบนที่กล่าวถึงคำว่า Graffiti โน่นเลยมาจาก ภาษากรีก มาจนภาษาอิตาเลียน ซึ่งถ้าแปลกันตรงๆตัว คือ “การเขียน” นั้นเอง แม้จะเปิดหาในแหล่งข้อมูลที่ไหนก็จะไม่พบความหมายจริงๆเท่าไรส่วนมากเป็นการ กำหนดขึ้นมาใหม่ และกำหนดกันเองเท่านั้น เพราะอาจจะเป็นคำเฉพาะคือคำโบราณในยุคนั้นๆ แล้ว….สรุป Graffiti มาอย่างไง
Graffiti กำเนิดขึ้นมาโดยกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในย่าน มหานครนิวยอร์ก อเมริกา ช่วงปี 1960-1970 (ครูยังไม่เกิดเลย) ช่วงนั้นมีการแบ่งแยกสีผิวรุนแรงมากในนิวยอร์ก ประกอบกับเกิดดนตรีสไตล์ใหม่ Rap และ Hip Hop พัฒนามาจากดนตรี R & B และBlues ของกลุ่มคนผิวสีแต่ด้วยจังหวะและทำนองที่ส่วนมากใช้เครื่องดนตรีชนิดสาย เป่าและเคาะ ทำให้วัยรุ่นในช่วงนั้นไม่ค่อย อิน เท่าไร (คงเหมือนเราที่ต้องฟังที่ ตูน จะไปแตะขอบฟ้า นั้นล่ะ จะไปฟังลายไม้คงหลับ) เลยพัฒนาใส่ดนตรีสังเคราะห์ลงไป เพิ่มจังหวะที่ตื่นเต้นเร้าใจวัยรุ่นเลยโดนใจวัยรุ่นยุคนั้นเป็นอย่างมาก แล้วดนตรีมาเกี่ยวไรกับ Graffiti เพราะโดยส่วนมากดนตรี Rap และ Hip Hop จะมีเนื้อหาที่เป็นแนวเสียดสีสังคมมากๆ และในช่วงนั้นความเป็นคนผิวสีทำให้ถูกกดดันจากสังคมคนขาวมากพอสมควรในเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดการต่อต้าน การแสดงออก ความกดดัน ความต้องการระบายความในใจ ไปให้คนทั่วไปได้รู้สึกประกอบกับมีดนตรีที่เป็นสื่อช่วยเร้า จึงเกิดการเขียนเป็นข้อความต่างๆ ทั้งสาปแช่ง คำด่า คำท้าทาย คำสบถ ตามสถานที่ต่างๆ และเพื่อความรวดเร็วในการงานนั้นจึงเลือกใช้ “สีสเปรย์” ในการสร้างผลงานแทนการ ใช้พู่กัน หรือแปรงทาสีทั่วไป เพราะไม่งั้นอาจโดนจับติดคุกได้
และเมื่อดนตรี Rap และ Hip Hop เข้มามีส่วนผลักดันในการสร้างสรรค์งาน Graffiti จึงเริ่มมีการเพิ่มความละเอียด จุดเด่น ความสามารถในการสร้างสรรค์งาน Graffiti ให้มีความน่าสนใจ มีเอกลักษณ์ ผู้คนจำจดได้ จึงเกิดงาน Graffiti ที่เรียกว่า wicked style #7 ซึ่งเป็นประดิษฐ์ข้อความที่มีลายเส้นที่ตื้นเต้นเร้าใจ ซึ่งภายในงานของกลุ่ม ลพบุลุย ทีสร้างสรรค์งานที่มาลัยราคา จะมีอยู่คนนึง ชื่อว่า ป็อด งานอยู่ตรงลิงพ่นสเปรย์ ด้านซ้ายถ้าหันหน้าเข้านั้นล่ะครับคืองาน wicked style ส่วนทางด้านขาวที่เป้นตัวหนังสือ LOPBURUI นั้นที่ครูหมีอ้วนทำกับเพื่อนหัวเหม่งและน้องๆที่มาแจมอีกหลายๆคนนั้น ยังไม่ใช่ wicked style เป็น Graffiti ที่ออกแนว POP ART ซะเยอะ……….
…..จบ ตอนที่ 3 (วันนี้ได้เข้าเรื่องมาพอสมควรยังๆ ยังไม่จบครับ ฮ่าๆๆๆ โม้ได้อีกเยอะ ไว้รออ่านกันต่อครับ)
อ้างอิง
#5 ประวัติความเป็นมาของgraffiti http://www.bkkgraff.com/
#6 ศิลปะยุคก่อนประวัติศาสตร์ (Pre-Historic) http://www.ipesk.ac.th/ipesk/home/VISUAL%20ART/lesson410.html
Graffiti? Street art? คืออะไร???? ตอนที่ 2
by admin on มี.ค..30, 2016, under ครูหมีขี้บ่น
Graffiti? Street art? คืออะไร????
ตอนที่ 2
หลังจากสตั้น….กับภาพตรงหน้าที่เห็นที่ว่างมหาศาล ก็เลยเกิดความลังเลว่าจะทำดีไหม “กลัวจะทำแล้วไม่รอด” กลายเป็นที่หมาเยี่ยวขึ้นมาละแย่เลย ท้องฟ้าก็จะมืดแล้ว 6 โมงกว่าแล้ว เพื่อนหัวเหม่งของครูก็ชวนบอก “ทำไปเหอะ สนุกๆ กันคิดอะไรมาก” หลังจากประเมินด้วยสายตาคราวๆแล้วงานนี้คงจะใช้เวลาไม่เกิน 2-3วัน ก็น่าจะเสร็จ ก็เลยลองหยิบมือถือขึ้นมาสเก็ต (Sketch) ลองขยับโน่นนิด นี้หน่อยก็เออ พอได้อยู่นะเนี้ยไม่ต้องอะไรมาก วาดรูปครูหมีอ้วนนี้ล่ะ “ง่ายดี” อย่าคิดเยอะเอาสนุกเข้าว่า ก็เลยลงมือร่างภาพ เมื่อตอนทุ่มกว่าๆ เริ่มมืดไม่มีแสงแล้ว หลังจากร่างเสร็จ ก็ได้หน้าหมีเบี้ยวๆ มา 1 ภาพ ….หันไปมองของเพื่อนหัวเหม่งมันร่างเสร็จนานแล้ว…..ก็เลยบอก เออแค่นี้ล่ะ พรุ่งนี้ค่อยมาลงสีกันเนอะ เพื่อนหัวเหม่งก็บอก “เออได้ พรุ่งนี้เจอกัน” “อืม พรุ่งนี้เจอกัน 4 โมงเย็น เด๋วตู (ครูหมีอ้วน) เอาแปรงมา สีมีไหมวะ” มันบอก “ไม่รู้ว่ะ” …… งั้นสรุปเด๋วพรุ่งนี้หาสีมาด้วยเลยละกัน…….
วันรุ่งขึ้นก็มาทำงานที่โรงเรียนตามปกติ พอใกล้ 4 โมงเย็น ก็เตรียมตัวขนอุปกรณ์ สี ถังน้ำ พู่กัน ที่พอมีอยู่ขึ้นรถเก๋งคู่ใจขับเข้าเมืองไปซื้อสีเพิ่ม โดยเพื่อนหัวเหม่งซื้อสีดำมา 1 แกนลอน ส่วนครูนั้นเอาสีเทาที่ผสมไว้ เหลืออยู่จากงานเก่า และสีขาวประมาณ 1 แกนลอนมาแค่นั้น เพราะจากภาพที่ร่างไว้เมื่อคืน คำนวณแล้วใช้แค่ 3 สี คือ สีดำ เทา ขาว แค่นั้น มีส่วนใช้สีแดง นิดหน่อยเด๋วไปขอน้องๆ ที่โน่นเอาคงจะมีมั่ง 😛 ……
พอ 4 โมงเย็นก็ขับรถขนของไปที่หน้างาน แดดร่มลงแล้ว พอที่จะลงมือทำงานได้อยู่ ไปถึง ก็ลบ…..ภาพที่ร่างไว้เมื่อคืนออกก่อนเพราะร่างภาพไม่ได้เรื่องเลย เบี้ยวมากๆ ฮ่าๆๆ มืดด้วย แล้วก็เป็นการทำงานที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ไม่มีแบบเลยจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่จากเมื่อคืนที่ร่างภาพในมือถือ คร่าวๆ แล้ว ก็กลับไปลองใช้ Photoshop ลองตัดต่อภาพแบบใหม่ให้สมบูรณ์มากขึ้น Print ออกมาเพื่อใช้ในการร่างภาพ ซึ่งเป็นการทำงานที่ถูกต้อง เพราะไม่ว่าเราจะทำงานอะไร “ศิลปะ” แบบไหนก็ต้องมีการ สเก็ต (Sketch) ก่อนทำงานเสมอ เพื่อเป็นการรวบรวมความคิด ลดขั้นตอนในการทำงาน และสร้างความมั่นใจในการทำงานให้ตัวเรานั้น มั่นใจแน่วแน่ว่า “ตัวเองกำลังทำอะไร”
ผลจากการสเก็ต (Sketch) และเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ทำให้การทำงานร่างภาพใหม่อีกครั้งนั้นมีความคล่องตัวและแม่นยำมากขึ้น การทำงานในวันนี้เลยง่ายขึ้น ร่างและเริ่มลงสีได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ก็ลงสีเสร็จทั้งภาพ…….. (ก็มีอยู่สีเดียวเอง สีดำ ฮ่าๆๆๆ) พอลงสีเสร็จก็ขยับออกมาดูคนอื่นวาดมั่ง มองไปก็เห็นคนวาดภาพอยู่ อีก 4 คน คือ เพื่อนหัวเหม่งของครูหมีอ้วน และ ครูเสรี ครูที่โรงเรียนสาธิตฯ แม่งานของงานนี้ น้องข้างๆอีกกลุ่มที่กำลังทำงานอยู่ (จำชื่อไม่ได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ) และน้องเบียร์กับเพื่อนน้องเบียร์ (ชื่อไรจำไม่ได้จริงๆ….รู้สึกจะมีปัญหาเรื่องการจำชื่อมากๆเลยสำหรับครูหมีอ้วน) ที่วาดภาพลิง แบบเรียลลิสติก (Realistic) #3. ซึ่ง ณ ตอนนั้นเป็นศิลปินคนเดียวที่วาดแนวนี้ ที่เหลือส่วนมากจะเป็นแนว POP ART #4. หมดเลย ครูหมีอ้วนค่อนข้างสนใจน้องคนนี้มากเพราะงานมีความน่าดึงดูดใจมากๆ เลย สวย มีทักษะที่ดีมาก มารู้ตอนหลังว่าเป็นลูกสาวของอาจารย์สมชาย (วันนั้นเจอแต่หวัดดีไม่ทันเพราะไม่แน่ใจว่าใช่ไหมเพิ่งเคยเจอครั้งเดียวตอนออกงานที่วังนารายณ์ ฝากไปสวัสดีด้วยนะครับ) ลูกไม้ตกไม่ไกลต้นจริงๆ เก็บประสบการณ์อีกหน่อยคงจะพัฒนาได้อีกไกล
ที่นี้คงจะได้เข้าเรื่อง ตามหัวข้อจริงๆจังซะที ตามหัวข้อว่า “Graffiti? Street art? คืออะไร????” เพราะอะไรถึงพูดถึงเรื่องนี้ เพราะ ………… ช่วงนี้ในประเทศไทยของเรา กำลังนิยมอะไรที่มัน อาร์ตๆ (ART) บางอย่างก็ฟังเค้ามา เรียกกันพูดกันจนติดปาก เคยปาก ว่า Graffiti , Street art จนบางครั้งถึงขั้นทะเลาะกันเป็นเรื่องราวใหญ่โต ว่า พวกคุณผมกลุ่มนี้ กลุ่มนั้น กลุ่มโน่นไม่ใช่ กลุ่มนี้ของปลอม พวกผมของจริง แบ่งแยกชนชั้นกันเอง อย่างกับยุคสงครามกลางเมือง ซึ่งจริงๆ #ก็ไม่ได้แปลกธรรมชาติของมนุษย์ เท่าไร ที่พยายามสร้างความแตกต่างของกลุ่มตนเอง เพื่อขึ้นเป็นผู้นำเหมือนกับการแบ่งลักษณะของประเภทดนตรี การแสดงการร้อง การเต้น ที่ในปัจจุบันนั้นแยกออกมาไม่รู้จะกี่ประเภท แตกแขนงออกมายิบย่อยเต็มไปหมด ทั้งที่แยกออกมาอย่างมีเอกลักษณ์ หรือแม้กระทั่งตั้งขึ้นมาเองโดยใช้คำพูด ภาษาวัยรุ่นในยุคนั้นๆ เรียกกันไปมา จนเคยชินจนเกิดเป็น กลุ่มขึ้นมา ทั้งๆที่ จริงๆ แล้ว มันก็คือ “งานศิลปะ” ศิลปะที่มีความหมายถึง สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยความพึงพอใจของตนเอง ไม่ได้ต้องไปทำให้ใครพอใจ หรือ ตามใจใคร แค่ตนเองมีความสุขกับผลงานของตัวเองก็เพียงพอแล้ว………..
…….จบ ตอนที่ 2 ต่อพรุ่งนี้…(ก็ยังไม่เข้าเรื่อง Graffiti? Street art? คืออะไร????” พรุ่งนี้ๆ สัญญา เนื้อหามันเยอะเลยต้องแบ่งออก…..ไม่รู้กี่ตอนจบเลยเนี้ย อาศัยพิมพ์ตอนว่างๆ จากงานที่โรงเรียน)
อ้างอิง
#3. ศิลปะแบบเหมือนจริง (Realistic) http://csatorn.com/semi_abstract.html
#4. Pop Art กับศิลปะสุดแนว http://www.truelife.com/old/detail/972711
Graffiti? Street art? คืออะไร???? ตอนที่ 1
by admin on มี.ค..30, 2016, under ครูหมีขี้บ่น
เมื่อราวๆ ต้นเดือนมีนาคม ครูหมีอ้วนเห็นการเชิญชวนและภาพสถานที่จากแฮชแท็ก ( # Hashtag ) #1. คนรู้จักคนหนึ่งว่าไปวาดภาพกันที่หลังโรงหนังมาลัย (ถ้าอายุน้อยกว่า 30ปี อาจจะไม่รู้จักแล้วว่าคือไหน อดีตอันน่าจดจำของลพบุรีมากๆ) แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้คิดอยากจะไปเท่าไรเพราะว่างานที่โรงเรียนยุ่งมากๆแล้วต้องใช้เวลาและทุนพอสมควรในการทำงานระดับนี้แต่ “ใจ” ตอนนั้นอยากไปทำมากๆ แต่ยัง “กลัว” อยู่ “กลัวไม่สวย” “กลัวไม่เสร็จ” “กลัวคนอื่นไม่ชอบงานของเรา!!!”จนช่วงกลางๆเดือนมีนาคมก็มีเพื่อนครูหมีอ้วนส่งข้อความมาชวนด้วยข้อความสั้นๆ ตอนเที่ยงคืนกว่าๆ “อยากสนุกด้วยกันมาได้ #วิกมาลัย ให้ไวพื้นที่มีไม่มาก” พอเจอคำว่า “สนุก” มันติดอยู่ในใจมาก คืนนั้นนอนคิดทั้งคืนเลย “เออ เอาสนุกก็ได้นี้ว้า ไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก” แต่..งานวันพรุ่งนี้ที่โรงเรียนรออยู่อีกมากมายมหาศาลเลยลืมๆไปก่อนนอนและตื่นเช้าไปทำงานตามปกติก่อนดีกว่ามั่ง งานเพียบ….
วันรุ่งขึ้นไปทำงาน ทำงาน และทำงานจนกระทั่งกลับมาบ้าน เวลาห้าโมงเย็นหน่อยๆ เปิดคอมก็เจอข้อความเดิมของเพื่อนที่ส่งมาเมื่อคืนนี้แต่ยังไมได้ตอบกลับไป นั่งคิดอยู่นานจึงพิมพ์กลับไปว่า “งานอะไรวะ” สักพักเพื่อนก็ตอบกลับมาด้วยความรวดเร็ว “กราฟฟิตี้ วิกมาลัยรามา ข้างพิบูล มาเลยตอนนี้อยู่” แค่นั้นล่ะตัดสินใจเปลี่ยนชุดขับรถออกจากบ้านไปเลยข้าวปลายังไม่ได้กินคว้าขนมไปหนึ่งถุงกับน้ำหนึ่งขวดขับมอไซค์ไปทันที…..
พอไปถึงที่วิกมาลัย (เด็กสมัยนี้รู้จักคำว่า “วิก” ต่อด้วยชื่อโรงหนังกันไหมเน้อ? คนที่ใช้คำนี้ก็อายุ 30+ อีกเช่นกันฮ่าๆๆ ความหมายจริงๆ หมายถึง ในสมัยอดีตนั้น #2. การแสดงการละเล่น เช่น ลิเก ละคร ตามในเมืองนั้นจะทำการแสดงและเปลี่ยนเรื่องแสดงทุกๆอาทิตย์ หรือสัปดาห์ ซึ่งคนสมัยก่อนยังไม่มีคำนี้ใช้กัน เจ้าขุนมูลนายในสมัยก่อนเลยใช้คำทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ คำว่า “Week” (วีค) เรียกกันไป สื่อสารกันมาจนกลายเป็นเข้าใจไปในชาวบ้านว่า “วิก” คือหมายถึงโรงหนัง โรงละคร พูดกันจนติดปากสืบทอดต่อกันมาจนปัจจุบัน บางคนที่พอมีอายุ ก็เรียก วิก3 วิก5 วิก7 วิก9 หมายถึง ช่อง 3 5 7 9 นั้นเอง…. นี่คือที่มาของไอ้เพื่อนหัวเหม่งของครูหมีอ้วนที่ชวนไปวาดภาพโดยใช้คำว่า “วิกมาลัย” หมายถึงโรงหนังมาลัยรามานั้นเอง แปลว่ามันแก่มากแล้ว…..) นอกเรื่องไปซะไกล กลับมาต่อที่ ไปครูหมีอ้วนไปถึงที่วิกมาลัย ก็เจอคนวาดภาพอยู่….นับได้….. 1 2 3 ….3 คน (รวมเพื่อนครูด้วย) แล้วมองไปที่กำแพงที่ยาวเยียด ตอนนั้นตกใจ นึกว่าคนจะเยอะกว่านี้ ทำไมไม่มีคนมาเลยง่ะ ไอ้ที่เพื่อนหัวเหม่งของครูบอกว่า “ยังพอมีที่” ไม่ใช่ละ นี้มันเหลือเยอะไปหมดเลย…..
……จบตอนที่ 1……ต่อพรุ่งนี้
อ้างอิง
#1. Hashtag คืออะไร และ วิธีการใช้ #Hashtag ที่เหมาะสมhttp://www.thanop.com/hashtag
#2. ความหมาย และ ความเป็นมา ของ คำว่า “ วิก ”http://board.narak.com/fashion_and_beauty/topic.php?id=17254
จุดเริ่มต้น(อีกครั้ง)
by admin on ธ.ค..29, 2015, under ครูหมีขี้บ่น
หลังจากย้ายกลับมาบ้านเกิด (ไว้มีโอกาสจะมาเล่าเหตุผลในการย้าย) มาที่ใหม่โรงเรียนระดับเด็กเกือบ2000ครูเกือบ100 ชั่งต่างจาก ส.ว.ย. มากนักมาแรกๆ ปรับตัวไม่ถูกเพราะระบบต่างกันค่อนข้างมากเลยที่เดียว ทั้งเรื่องสอนและงาน ต้องบอกว่าโชคดีที่ ผู้บริหารเมตตาให้มาอยู่ ม.ปลาย ที่เราถนัดมากๆ ตอนมาก็จะปลายเทอมแล้ว ยังไม่คุ้นกับเด็กๆ ที่นี้ไม่มีครูทัศนศิลป์เลยมีเราคนแรก ต้องบอกเรียกได้เลยว่าเหมือนกับครั้งอยู่ ส.ว.ย. มากที่นั้นก็ไม่มีครูศิลปะเลย เลยรู้สึกเหมือนต้องเริ่มใหม่จริงๆเลย เริ่มรู้สึกตื่นเต้น และสนุกกับการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ที่ผ่านมาได้ลองผิดลองถูกมาเยอะได้ประสบการณ์มาเยอะ จะนำมาใช้กับที่ใหม่นี้ล่ะ ร.ร.เทศบาล 4 ระบบสาธิตเทศบาลเมืองลพบุรี บ้านเกิดของเราเอง
งานแรกที่ได้ออกแสดงความสามารถ บันทึกไว้เป็นความทรงจำและค่อยๆพัฒนา….29 ธ.ค. 2558
ครูหนุ่มล้านโครงการ
กบในกะลา
by admin on ก.พ..21, 2015, under ครูหมีขี้บ่น
มีคนถามว่าทำบ้าอะไรไร้สาระ สิ้นเปลืองเงินทอง ทำท่อต่อท่อ ซื้อปั้มน้ำ เปลืองค่าไฟฟ้า ปล่อยมันไปแบบนั้นละ ปลูกทำไมหญ้าเดี๋ยวก็ยาว เดี๋ยวก็ต้องตัด เดี๋ยวก็ไม่มีคนดูแล เอาเงินไปซื้อวัสดุ ซื้อของให้นักเรียนดีกว่า
หวังว่าภาพนี้คงจะอธิบายได้ว่าทำไปเพื่อออะไร บางคนก็เป็น กบในกะลามากกว่าที่จะกล้าทำอะไร เอาแต่อยู่ในกะลา ใช้ชีวิตอยู่ใยกะลา แล้วก็คอย แลบลิ้นตวัดแมลง ผีเสื้อ ที่บินผ่าน และคิดว่าในกะลานี้แสนจะดีหนักหนาแล้ว
ครูหนุ่มล้านโครงการ
เทคโนโลยี
by admin on ก.พ..19, 2015, under ครูหมีขี้บ่น
เทคโนโลยี เมื่ิอใช้อย่างถูกต้องก็จะเป็นผลดีต่อสังคม เป็นประโยชน์ต่อคนรอบข้าง คนใช้เมื่อมีเทคโนโลยีก็จะช่วยให้การดำรงชีวิตนั้นสะดวกง่ายขึ้น คนรับก็จะรู้ว่าเทคโนโลยีนั้นมีประโยชน์มากกว่ากับนำไปใช้เพื่อความบันเทิง เมื่อทั้งคนใช้และคนรับรู้จักใช้มัน มันก็จะไม่ใช่สิ่งของที่สิ้นเปลืองและไร้ประโยชน์ แต่จะกลายเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างสูงสุดของกระบวนการเรียนการสอนของเด็กบ้านนอกที่ห่างไกลจากความเจริญของเมืองทันที
Cr. ขอบคุณพี่ต้นและเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มอบสิ่งเหล่านี้ให้เด็กๆครับ
โครงการรณรงค์คัดแยกขยะแบบธรรมชาติ
by admin on ม.ค..10, 2015, under ครูหมีขี้บ่น
หลังจากที่พยายามเรื่องความสะอาดภายในฏรงเรียนมานาน สังเกตุเห็นได้จาก ความขาดวินัยอย่างรุนแรงของนักเรียน ทิ้งขยะแบบไม่สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวเลย ตอนแรกไม่เข้าใจอยู่นานว่าเพราะอะไร จนอยู่มาได้ 3 ปี ได้ไปบ้านนักเรียนหลายๆคนจนรู้ได้ว่า พฤติกรรมที่เกิดขึ้นนั้นติดตัวมาจากบ้าน เนื่องจากสภาพบ้านของแต่ละคนใช้ชีวิตแบบค่อนข้างขัดสนและอยู่อาศัยแบบไปตามมีตามเกิด ความรู้ของผู้ปกครองนั้นไม่มาก บางทีอาจจะสอนลูกหลานได้ไม่ดีพอ จนถึงเรื่องของการปลูกฝังความเป็นระเบียบในเรื่องต่างๆ การรับผิดชอบต่อสังคมยังไม่มากนักเนื่องจากชีวิตความเป็นอยู่ก็ลำบากพออยู่แล้ว
เมื่อทราบถึงปัญหานั้นคงต้องเริ่มจากการให้ความรู้ในโรงเรียนก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งผมก็ลืมไปได้ไงไม่รู้ว่าจริงๆเราควรต้องสอนเค้านี้เนอะ แต่ด้วยความที่ใช้ชีวิตเป็นเด็กในเมืองมาตลอด เลยเข้าใจไปเองว่าต้องได้รับความรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ผิดถนัด….ไม่ใช่เลย
เลยเริ่มกิจกรรมเรื่องความสะอาด ตลอดมาตั้งแต่มารับหน้าที่งานสิ่งแวดล้อมในปีที่ผ่านมา เริ่มจากการรณรงค์ให้ความรู้ สร้างพฤติกรรมในการคัดแยกขยะก่อน ซึ่งหลังจากทดลองแล้วสัเกตุได้อย่างชัดเจนว่าเด็กมีการคัดแยกประเภทของการทิ้งขยะอย่างชัดเจนสามารถนำขยะมีมูลค่าไปดำเนินการต่อไปได้ ดีใจจริงๆเลย
ชุมนุมเยาวชนต้นกล้า ร่วมกับ กลุ่มใบไม้ ทำกิจกรรมเขาใหญ่ดีจัง รณรงค์ ๔ ม.
by admin on พ.ย..28, 2014, under ครูหมีขี้บ่น
ชุมนุมเยาวชนต้นกล้า โรงเรียนสุขไพบูลย์วิริยะวิทยา มีกิจกรรมในการรณรงค์เรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติภายในโรงเรียนและชุมชน ได้อาสาเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มใบไม้ ซึ่งเป็นกลุ่มการรวมตัวของประชาชนอาสาสมัครทั่วประเทศในการดำเนินกิจกรรมเกี่ยวกับอนุรักษ์ธรรมชาติ ได้จัดให้มีกิจกรรมเขาใหญ่ดีจัง รณรงค์เรื่องท่องเที่ยวบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ๔ ม. คือ ๑.ไม่ทิ้งขยะ ๒.ไม่ส่งเสียงดัง ๓.ไม่ให้อาหารสัตว์ป่า ๔.ไม่ขับรถเร็ว เพื่อรักษาสภาพแวดล้อมของป่าให้มีความสมบูรณ์อย่างยั่งยืน ระหว่างวันที่ ๒๒ ถึง ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
ครูหนุ่มล้านโครงการ ๒๘ พ.ย. ๒๕๕๗
ทริปเขาใหญ่ 27-29 ต.ค. 2557
by admin on พ.ย..02, 2014, under ครูหมีขี้บ่น
จริงๆทริปๆนี้คือไปราชการนะครับ ฮ่าๆๆ มีนักเรียนได้เข้าโครงการค่ายกิจกรรม PTTEP TEENERGY CAMP ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ผมเลยได้ติดตามไปสังเกตุการณ์ด้วย เพราะอยากจะทำโครงการนี้เองเพื่อพานักเรียนในโรงเรียนไปศึกษาธรรมชาติเองบ้าง เชื่อไหมครับว่า เด็กโคราชแท้ๆ หลายๆคนไม่เคยแม้แต่จะขึ้นไปที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เลย แม้กระทั่งตัวแทนนักเรียนที่ได้ไปร่วมในครั้งนี้อยู่ ม.6 แล้วยังไม่เคยได้ขึ้นไปเลย ในระหว่างที่เด็กเข้าร่วมกิจกรรมผมก็เลยถือโอกาสนี้ออกไปสัมผัสธรรมชาติของขเาใหญ่ ซึ่งไม่เคยได้มาเยี่ยมเลยเกือบ 20 ปี มาครั้งสุดท้ายตอนอายุ 18 ช่วงนั้นมาบ่อยมากเกือบทุกเดือน หลายๆสิ่งเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ความทัยสมัยและความดูแลรักษาของอุทยานทำได้ดีมาก ความสะดวกสบายมากขึ้น การศึกษาธรรมชาติในช่แงทางต่างๆ สะดวกมากขึ้นทั้งทางเท้า ถนน และเจ้าหน้าที่ที่บอกเลยมากมายมหาศาลไปตรงไหนก็เจอเจ้าหน้าที่เต็มไปหมด โดยเฉพาะที่ผมชอบที่สุดคือ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว (ไม่ได้เอาภาพลงเนื่องจากขอเวลาจัดเรียงใหม่ก่อน และอยากให้ไปชมเอง) ที่เมื่อก่อนสมัยนั้นเดินเข้าไป ไม่ถึงนาทีก้เดินออกแล้วเพราะว่ามัน…….บ้านๆมากไม่น่าชมเลย แต่วันนี้ผมเดินไปอยู่ในนั้นได้เป้นชั่วโมง มีร้านกาแฟอย่างสวยงาม ห้องสมุด ห้องบรรยาย ส่วนที่พักนั้นแบบที่เป็นบังกะโลไม่ต้องถามเต็มตลอดเวลา เพราะ…..(ไม่บอก) ผมเลยต้องไปกางเต็นท์ซึ่งอยากนอนอยู่แล้ว ที่กางเต็นท์ก็เพิ่มมากขึ้นจากเมื่อก่อนมีที่ ผากล้วยไม้ที่เดียว เล็กๆ ตอนนี้ ขยายเพิ่มอีกหนึ่งที่ คือ ลานลำตะคอง สวยมาก ดูแลได้ดีที่เดียว ในระยะเวลาสองวันนี้ผมไปเกือบทุกที่บางที่แบกกล้องไม่ไหวไม่ได้เอาไปด้วยเพราะว่าเหนื่อยมากเดินขาลากเลย แต่ได้เก็บภาพของธรรมชาติที่สวยงามมาฝากเพื่อนๆในส่วนของต้นไม้เขียวขจีตาม คอนเซ็ป์ที่ตั้งใจไว้ การปรับแต่งสีอาจจะดู โอเวอร์ไปนิด เนื่องจากเป้นความชอบสวยตัว และปรับแบบรวดเดียวจากโปรแกรมขี้เกียจมา Edit ที่ละใบ บางภาพ (ภาพกว้าง) เลยดูโอเวอร์ไปเยอะมาก ฮ่าๆๆๆ ก็ขอเชิญรับชมได้เลยครับ มีหลายอย่างไมไ่ด้พิมพ์ไว้จะพิมพ์เพิ่มตอนหลังขอเวลาว่างๆนี้นี้กำลังนั่งทำแผนการเรียนของเทอมนี้อยู่ช่วงเปิดเทอมมันยุ่งๆ ไว้วันหลังจะมาบรรยายอย่างละเอียดตอนนี้บรรยายด้วยภาพไปก่อนละกันครับ ครูหนุ่ม….
การแข่งขันกีฬาตำบลสุขไพบูลย์ แชมป์เทเบิลเทนนิส
by admin on ก.ค..16, 2014, under ครูหมีขี้บ่น
ด้วยความชอบส่วนตัวของกีฬาเทเบิลเทนนิส(ปิงปอง) และที่สำคัญมีนักเรียนที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่องแม้จะมีจำนวนน้อยแต่ก็มีความสุขและสนุกในกานฝึกซ้อม น่ารักและมีมารยาทที่ดี 3 ปีมี่ผ่านมากวาดรางวัลมาได้ตลอดเคยไปไกลสุดระดับชาติแต่ได้แค่ที่ 3 กลับมา ปีนี้มีน้องใหม่เข้ามาอีก 2 คน สนุกขึ้นกว่าเดิมอีก มีความสุขจริงๆ…
พาไปทานหมูย่างให้สมกับแชมป์ฮ่าๆๆ
ประเมินภายในสถานศึกษาเพื่อเตรียมกับการประเมินภายนอก ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557
by admin on ก.ค..16, 2014, under ครูหมีขี้บ่น
วันที่ 16 ก.ค. 2557 ผ่านไปได้ด้วยสมบูรณ์แต่เหนื่อยมากจริงๆสลบ งานที่ตัวเองดูแลคือ มาตรฐานที่ 3 โรงเรียนมีอาคารสถานที่ ฯ พร้อมในการสนับสนุนการเรียนการสอน มาตรฐานที่ 11 ผู้เรียนมีความพร้อมในความคิดฯ มาตรฐานที่ 14 ผู้เรียนมีสุนทรียภาพทางด้าน ศิลปะ ดนตรี กีฬา