วิชาศิลปะในปัจจุบันต้องเรียนอย่างไง?
by admin on ก.ค..29, 2013, under ครูหมีขี้บ่น
วิชาศิลปะในปัจจุบันระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายนั้น รูปแบบการเรียนเปลี่ยนไปมากจากสมัยผมเรียนตอนเด็ก ในปัจจุบันวิชาศิลปะนั้นแทบจะโดนถอดออกจากวิชาหลักไปแล้วใน ม.ต้น นั้นเหลือเรียนแค่สัปดาห์ละ 2 คาบ(คาบละ55นาที) ม.ปลายนั้นยิ่งหนักเหลืออาทิตย์ละ 1 คาบเท่านั้น แล้วถ้สโรงเรียนนั้นเน้นวิชาการหลัก คณิต อังกฤษ วิทย์ ภาษาไทย ก็แทบจะไม่เหลือวิชาศิลปะเพิ่มเติมให้เรียนเลย เว้นแต่ ม.ปลายจะเลือกเรียนสายศิลป์ ซึ่งเหลือน้อยมากและผิดวัตถุประสงคในการเลือกเรียนไปแล้ว เพราะเด็กที่เลือกเรียนสายศิลป์ไม่ได้ชอบวิชาศิลปะ แต่เข้าใจและได้รับการแนะนำที่ผิดๆมาจากทั้งครูและพี่ เพื่อน ว่าเรียนสายศิลป์แล้วจะเรียนง่ายสบาย ไม่ค่อยเรียน และจบสะดวก!!!!
ส่วนถ้าเรียนกันจริงๆแล้ว เนื้อหานั้นมากมายเหลือเกิน ตามตัวชี้วัด อะไรที่มากมายจนไม่มีทางที่จะสอนให้ครบได้ตามเวลาที่ให้มา ซึ่งแค่เนื้อหาที่ต้องเรียนถ้าเรียนกันจริงๆแล้วทั้งเทอมก็ไม่พอ แล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปทำงานปฏิบัติซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการเรียนวิชาศิลปะที่สุด ภาระตกหนักที่ครูที่ต้องอัดเนื้อหาและวิชาการเข้าไปอย่างมากมายเพื่อ???? เพื่อหวังผลสัมฤทธิ์ของการทดสอบระดับชาติ o-net บ้าบอคอแตก ซึ่งเป็นตัวบอกคุณภาพของโรงเรียนและครูผู้สอนว่าทำการเรียนการสอนให้เด็กเข้าใจได้หรือไหม ซึ่งผมก็เห็นด้วย(บางส่วน)ว่าเป็นตัวกระตุ้นให้ครูและเด็กทำการเรียนการสอนอย่างตั้งใจ แต่…? ข้อสอบในปีที่ผ่านมาของทั้ง ม.ต้น และ ม.ปลายนั้น ผมได้ลองอ่านและลองทำเฉลยแล้วบอกได้เลยว่า หินมาก ยากสุดๆ อย่า!!!เพิ่งคิดว่าผมโง่เอง ท่านลองทำก่อน แล้วจะรู้ว่าข้อสอบนั้นมันเกินระดับเด็กมัธยมที่จะสามารถทำได้ มันข้อสอบของระดับมหาลัยเลยจริงๆ เนื้อหาลงลึกมากจนเกินไป ในเมื่อท่านๆ นั่นไม่เห็นความวำคัญของวิชานี้แต่เวลาออกข้อสอบนั้นเหมือนกับจะเอาเด็กไปเข้ามหาลัยศิลปะชั้นนำของปนะเทศไทยเลยทีเดียว ผลการทดสอบที่ออกมานั้น หวาดเสียวมากสำหรับครูศิลปะอย่างผม คนอื่นอาจจะไม่ลำบากแต่ผมคิดมากไปเอง…เพราะอะไร????
เพราะผมมองว่าวิชาศิลปะนั้นในระดับมัธยมต้นและปลายควรงจะเน้นที่ความคิดสร้างสรรค์และความสนุกสนานในการเรียนมากกว่าวิชาการที่เข้มข้นเหมือนเรียนมหาลัย ทำไมผมถึงกล้าพูดแบบนั้น ก็ย้อนกลับไปอดีตชาติของผมที่ก่อนจะมาเป็นครูศิลปะมัธยมนั้ยผมเคยเป็นครูศิลปะระดับอาชีวะมาก่อน ซึ่งเนื้อหายังไม่หนักขนาดนี้เลยเน้นฝีมือและทักษะ วิชาการพอประมาณ. แล้วผลที่ได้คือเด็กมีฝีมือสอบเข้ามหาลัยชั้นนำของประเทศได้ ด้วยการทดสอบ ทักษะเป็นส่วนใหญ่และบางมหาลัยมีการทดสอบวิชาการแต่!!! ข้อสอบนั้นง่ายกว่า o-net ระดับมัธยมซะอีก!!!!!
ผมครุดคิดและสับสนในแนวทางการสอนอยู่บ่อยครั้งว่าจะเอาไงดีวะเนี้ย ตูจะสอนไงดีวะ เอาวิชาการเน้นผล o-net เอาทักษะฝีมือที่ได้ หรือจะเอาทั้งสองอย่างผสมกันซึ่งทำอยู่แต่…ถ้าผสมกันแล้วจะทำให้เนื้อหานั้นไม่พอจะสอนในเวลาที่กำหนดให้ จะให้งาน ให้รายงาน ให้การบ้านก็แสนจะสงสานเด็กไทยจริงๆ เพราะทุกวิชาคงจะเป็นเหมือนกันหมด การบ้านมากมายมหาศาล เลยต้องหลีกทางให้กับวิชาหลัก…..
หลังจากที่ลองผิดลองถูกมาหลากหลายวิธีสุดท้ายผมตัดสินใจแล้วว่า การเรียนศิลปะให้ได้ดีนั้นต้อง สอนให้เด็กสนุกในการเรียน ไม่ใช่แค่วาดรูปอย่างเดียว ต้องผสมทุกสิ่งทุกอย่างไปในตัวทั้ง การงานอาชีพ คอมพิวเตอร์ วิชาการ วาด ปั้น พิมพ์ ของเล่น เกมต่างๆ และที่สำคัญต้อง ชื่นชม โชว์ผลงานเหล่านั้นของเด็กให้ทุกคนในโรงเรียนได้เห็นและชื่นชมด้วย ให้เด็กสนุกและเริ่มที่อยากจะเข้ามาเรียน ตื่นเต้น ชอบ และรู้สึกว่าเข้ามาเล่น!! ไม่ได้มาเรียน แล้วเราค่อยแทรกเนื้อหาที่สำคัญเข้าไปในระหว่างการทำงานหรือแนะนำเป็นรายบุคคลเลยตามความสามารถเลยจะได้ผลที่ดีที่สุด
ครูหนุ่ม
30 ก.ค. 2556