ยุทธพงษ์ สืบภักดี : ครูหนุ่ม

วันนี้มาเล่านิทานให้ฟัง เรื่อง เรือข้ามฟาก

by on ก.ย..03, 2010, under ครูหมีอยากเข้าป่า

มีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่กลางทะเล ในเกาะเล็กๆ มีผู้คนอาศัยอยู่ประมาณ 200 คน โดยปกติ คนในเกาะก็มีความสุขกับชีวิตประจำวันเป็นปกติ ตื่นนอน หาข้าวกิน เดินเล่น หาอะไรทำไปวันๆ พอหมดวันก็นอนแล้วก็ตื่นขึ้นมาวันใหม่ใช้ชีวิตแบบเดิม จริงๆคนในหมู่บ้านเหล่านี้ก็ไม่ได้เดือนร้อนอะไร สามารถมีชีวิตอยู่ได้ แค่ต้องการอาหารประทั่งไปวันๆ แค่นั้นเอง จนแก่เฒ่าและตายไปแค่นั้นเอง

แต่แล้ววันหนึ่ง คนในหมู่บ้านก็ได้รู้ว่า อีกฝั่งหนึ่งของทะเลแห่งนี้ มีเมืองที่ใหญ่โตมากกว่านี้รออยู่ ที่นั้นมีทั้งอาหารแปลกๆ ของเล่นแปลกๆ คนแปลกๆ ตึกรามบ้านช่องที่แปลกๆ และชีวิตที่แสนศิวิลัยอยู่ คนบางกลุ่มจึงพยายามข้ามไปอีกฝั่ง แต่ไม่รู้ว่าจะไปให้ถึงอีกฝั่งอย่างไง เพราะว่าไปไม่ถูก และไม่รู้วิธีไป

อยู่มาวันหนึ่งมีคนจากอีกฟาก ข้ามมาที่เกาะแห่งนี้ และบอกวิธีข้ามไปอีกฝั่ง คนในหมู่บ้านบางคนเลยต้องการที่จะข้ามไปอีกฝั่ง เลยมาถาม คนที่มาจากอีกฟากว่า จะข้ามไปได้อย่างไง คนอีกฟากเลยบอกวิธีการข้ามไปอีกฟาก ว่ามันไกลนะ ใช้เวลาในการข้าม ถึง 3 ปีเลยที่เดียว ข้ามไปแล้วที่ฝั่งนั้นเป็นหน้าผาสูงชันอีก ต้องใช้เวลาปีนขึ้นหน้าผานั้นอีก 4 ปี แถมเมื่อขึ้นไปถึงข้างบนแล้ว ยังต้องเจอที่โล่งต้องเดินเท้าไปอีกเป็นปีเลย ถ้าเดินไปถูกทาง ก็สามารถไปถึงตัวเมืองได้ แต่ถ้าเดินไปผิดทาง อาจจะหลงอยู่กลางทางแล้วแล้วไปไม่ถึงเมืองนั้นอีก

คนในหมู่บ้านบางคนได้ฟังแล้วก็ท้อ บางคนขออยู่ที่เกาะเดิมดีกว่า ไม่อยากเดินทางแบบนั้น บางคนอยากไปมากและตั้งใจจะไปให้ถึงเมืองนั้นให้ได้ เพราะว่าอยากเห็นว่าเมืองที่ว่านั้นเป็นอย่างไง แต่ก็มีบางคนที่เฉยๆ ไม่ได้อยากไปหรืออยากอยู่ เพียงแต่ว่าเค้าไปกันก็เลยขอตามไปด้วย

คนอีกฟากนั้นก็เลย อาสาจะพาข้ามไป โดยมีข้อแม้ว่าแต่ละคนต้องทำเรือข้ามไปกันเองของใครของมัน โดยเค้าแต่ทำหน้าที่นำทางแค่นั้น พอได้ฟังดั่งนั้น ก็มีคนไม่ไปเพิ่มขึ้นมาอีกเพราะว่า ขี้เกียจทำเรือ ขออยู่ที่เดิมดีกว่า ส่วนคนที่จะไปก็เริ่มที่จะสร้างเรือขึ้นมาเองตามคำบอกเล่าของคนอีกฟาก

คนจากอีกฟากเริ่มบอกวิธีการสร้างเรือ ว่าต้องมีขนาดเท่าไร กว้างเท่าไร ยาวเท่าไร ใช้ไม้อะไรทำและต้องทำอย่างไรถึงจะไปถึงฝั่งได้อย่างปลอดภัย บางคนสร้างแค่พอดีตัวเองนั่ง เพราะคิดว่าจะทำให้ใหญ่ไปทำไมแค่นั่งคนเดียวก็พอ บางคนสร้างโดยใช้ต้นไผ่มามัดกันแค่พอลอยน้ำได้ บางคนบอกว่าที่คนอีกฟากบอกไม่ถูกต้อง เคยเห็นมาแล้วว่าคนที่ไปอีกฝั่งเค้าทำเรืออย่างไงเลยขอสร้างเรือตามแบบของตัวเอง บางคนก็ทำตามที่คนอีกฟากบอกทุกอย่าง แต่ก็มีบางคนที่ทำไปมากกว่าที่คนอีกฟากบอกโดยทำใบเรือไว้ด้วยซึ่งเป้นเรื่องดีเพราะว่าใบเรือนั้นจะช่วยให้เดินทางได้เร็วกว่าอื่นเค้า

เมื่อถึงเวลาเดินทางคนอีกฟากก็เลยให้ทุกคนมารวมกันแล้วให้ออกเดินทางไปพร้อมๆกัน เพื่อพากันข้ามไปอีกฝั่งให้ได้หมดทุกคน เมื่อเรือออกจากท่าแล้ว ผ่านไป 3 เดือน  คนอีกฟากก็เริ่มสังเกตุเห็นความแตกต่างของคนบนเกาะที่กำลังพายเรือ บางคนตั้งใจฟายตามที่คนอีกฟากบอกให้พายเป็นจังหวะๆไปเรื่อยๆ บางคนพายเรือเป็นอยู่แล้วก็ขอพายไปล่วงหน้าโดยที่ไม่ได้ฟังคนอีกฟาก บางคนเบื่อหน่ายกับทะเลที่แสนจะน่าเบื่อก็พายมั่งไม่พายเพราะว่าขี้เกียจพายย้อนกลับไปที่เกาะ บางคนพยายามพายไปให้พร้อมกับคนอื่นแต่แรงไม่ค่อยมีเลยทำให้พายช้ากว่าคนอื่น และก็มีบางคนขอย้อนกลับไปที่เกาะเพราะว่าไม่อยากพายต่อไปอีกแล้ว

คนอีกฟากเลยต้องหยุดเพื่อรอคนที่ตามไม่ทัน และคนอื่นๆ ก็ต้องหยุดตามไปด้วย แต่บางคนก็ไม่สนขอพายต่อไปเรื่อยๆ นำหน้าไปก่อน ผ่านไป อีก 3 เดือน อาหารที่นำติดตัวมาด้วยเริ่มไม่พอ คนอีกฟากเลย หยุดพายกลางทะเลและสอนวิธีหาปลากับทุกๆ คน เพื่อที่จะได้หาอาหารไว้กินต่อไปในวันข้างหน้าได้เพราะว่าเดินทางกันอีกไกลเป็นปีๆ ทุกคนเลยรู้วิธีหาปลาและมีอาหารกินไปอีกเป็นปี แต่….บางคนก็ยังหาไม่เป็นเพราะคิดว่าไหนๆ คนอื่นหาเป็นแล้วก็ไว้ขอจากเค้าแทนเอาละกัน และคนที่พายนำหน้าไปก่อนก็ไม่ได้รู้วิธีหาปลาเพราะไม่ได้อยู่เรียนด้วย คิดแต่ว่าเราพายเป็นแล้ว แค่พายให้ไปถึงอีกฝั่งก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องเป็นก็ได้กินอาหารที่พอมีอย่างประหยัด เดี๋ยวไปถึงฝั่งโน่นก็มีของกินดีๆ เองนั้นล่ะ….

ผ่านไปอีก 1 ปี รวมแล้วก็เดินทางมาได้ 1 ปีครึ่งแล้ว เหลืออีก ครึ่งทางก็จะถึงอีกฝั่งแล้ว มาถึงวันนี้เกิดมีพายุขึ้นกลางทะเล คลื่นลูกใหญ่น้อยและฝน กระหน่ำมาตลอดเวลา แต่ทุกคนก็ยังพายกันอยู่ได้ เพราะว่า ระหว่างทางที่ผ่านมา คนอีกฟาก สอนวิธีเอาตัวรอดเมื่อเกิดพายุไว้แล้ว เพราะว่าคนอีกฟากเคยเจอมาก่อนเมื่อครั้งที่ข้ามมาครั้งที่แล้ว คนที่ตั้งใจฟังตอนยังไม่เกิดพายุ ก็เอาตัวรอดไปได้ คนที่ฟังมั่งไม่ฟังมั่ง ก็ยังพอเอาตัวรอดไปได้ และมีเพื่อนๆ คอยช่วยเมื่อเค้าตกทะเลไป ก็พากันไปดึงกันขึ้นมาใหม่ แต่เมื่อพายกันมาอีกหน่อย เค้าเจอคนที่พายนำหน้าไปก่อนนั้น ลอยอยู่กลางทะเลและเรือได้จดหายไปแล้ว เพราะว่าเค้าไม่ได้เรียนรู้วิธีการเอาตัวรอดในพายุเลย เอาแต่คิดว่าพายเป็นแล้วก็พอน่าจะผ่านพายุไปได้ เมื่อเจอคลื่นลูกใหญ่เข้าก็จมทันที แต่เพื่อนๆและคนอีกฟากก็ได้ช่วยเค้าไว้ แล้วพาข้ามไปด้วยต่อ เพราะว่าผ่านมาครึ่งทางแล้ว ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็คงจะจมน้ำหายไปกับท้องทะเล แล้วก็ไปเกิดใหม่เป็คนบนเกาะตามเดิม

หลังจากผ่านพายุมา เรือของคนที่ต้งใจฟังคนอีกฟากสอนมาก็ยังคงมีสภาพที่ดีอยู่ แต่คนที่สร้างขึ้นมาแบบลวกๆ โดยใช้แค่ไม้ไผ่นั้น ตอนนี้ใกล้จะพังมีพังแหล่ แต่ก็ยังพอจะเดินทางต่อไปได้ เพราะว่ายังพอมีเพื่อนช่วยและหาอาหารเป็น ต่างจากคนที่เรือจมไปแล้ว พอไม่มีเรือเป็นของตัวเองก็ทำอะไรไม่ได้เลย ต้องรอเพื่อนหาอาหารให้กิน จะไปพายเรือใครเค้าก็ไมได้เพราะว่าไม่ใช่เรือของตัวเอง ไม่มีใครยอมยกเรือให้ เพราะแต่ละคนก็มีแต่เรือของตัวเองเท่านั้น คนที่พายไม่ค่อยจะทันเพื่อนก็เริ่มที่จะเรียนรู้และพายได้เร็วขึ้น สามารถหาอาหารและมีกำลังวังชาในการพายให้ทันเพื่อนมากขึ้น

ผ่านไปอีก 3 เดือน คนอีกฟากได้บอกไว้ว่า ทางข้างหน้าจะไม่มีปลาให้หาแล้วเพราะว่าเป็นที่น้ำไม่สะอาด ปลาจะไม่มี เลยให้หาปลาเตรียมไว้เยอะๆ จะได้ไม่อดในวันข้างหน้า โดยหยุดหาปลาเป็นเวลาถึง 1 เดือน เมื่อได้ปลามาจำนวนมากแล้ว คนอีกฟากก็สอนวิธีเก็บรักษาปลาให้เก็บไว้ได้นานๆ ด้วยวิธีตากแดดให้แห้ง เป็นเวลา 7 วัน บางคนถึงโอกาสนี้พักผ่อนโดยการนอนเล่น และคิดว่าตากแค่วันเดียวก็น่าจะพอแล้ว บางคนไม่ยอมตากตามคำแนะนำด้วยเหตุผลว่าเค้านั้นชอบกินปลาสดๆ มากกว่าปลาตากแห้ง

เมื่อเตรียมอาหารของใครของมันตามที่คนอีกฟากแนะนำไปครบพอแล้ว ก็เริ่มออกเดินทางต่อ ระหว่างทางนั้นเอง คนกลุ่มที่เดินทางมาครั้งนี้นั้นได้พบกับ เรือสินค้าขนาดใหญ่กลางทะเล เรือสินค้าลำนั้นได้ตะโกนเรียกคนกลุ่มนี้เข้าไปหา แล้วบอกว่า ต้องการเอา ผลไม้สดๆ แลกกับปลาที่ตากแห้ง เพราะว่าปลาของเค้านั้นได้หมดไปแล้วและไม่สามารถหาปลาได้เองเพราะที่ตรงนี้หาปลาไม่ได้แล้ว เมื่อคนกลุ่มนี้ได้ยินเข้าก็ดีใจเพราะว่าไม่ได้กินผลไม้มาปีกว่าๆ แล้ว เลยนำปลาที่ตากแห้งไว้ไปแลกเป็นผลไม้ คนที่ตากไว้ตามคำแนะนำก็ถูกเลือกก่อนเป็นอันดับแรก เพราะว่ามีความน่ากินตามที่เค้าต้องการ คนที่ตากแค่วันเดียวก็ถูกเลือกที่หลังสุดเพราะว่า ตากไว้ไม่แห้งดีตามที่เค้าต้องการ แต่เค้าก็ยังแลกอยู่แต่ขอเลือกเป็นคนกลุ่มหลัง ส่วนคนที่ไม่ตากเลย ตอนนี้ปลาที่เก็บไว้ เริ่มมีกลิ่นไม่ดี เค้าเลยไม่ยอมแลกด้วย ทำให้คนที่ไม่ตากปลาอดกินผลไม้ เหมือนคนอื่นเค้า แล้วคนที่ไม่ได้ตากปลาก็มาต่อว่า ว่าทำไมไม่บอกเลยว่าจะมีให้แลกผลไม้กลางทาง บอกแต่ว่าให้ตากปลาไว้กินนานๆ คนอีกฟากก็ไม่รู้จะตอบอย่างไงเพราะว่าบอกให้ตากแล้วแต่ไม่ยอมตากกันเอง แถมโดนต่อว่าอีก และคนอีกฟากก็ไม่มีทางรู้เลยว่าระหว่างจะเจอเรือสินค้าที่ต้องการแลกปลาตากแห้ง

หลังจากผ่านไป 3 ปี คนกลุ่มนี้ทั้งหมดก็เดินทางมาถึงฝั่งด้วยกันทั้งหมด พอมาถึงฝั่ง แต่ละคนก็ได้เรียนรู้วิธีการเดินทางข้ามทะเลกันมาหมดทุกคน เพียงแต่ แต่ละคนจะได้วิธีเทคนิคในการเดินทางครั้งนี้มากันมากน้อยเพียงใดแค่นั้นเอง หลังจากถึงฝั่ง คนอีกฟาก ก็หมดหน้าที่และพายเรือลำเดิมกลับไปที่เกาะแห่งนั้นใหม่เพื่อรอคนที่ต้องการข้ามมาที่นี่อีกครั้งหนึ่ง ส่วนคนที่มาถึงฝั่งแล้วก็ต้องมาเจอกันคนพาปีนหน้าผาอีก ไม่ใช่ว่าจะถึงเมืองที่ต้องการเลย บางคนบอกไม่เอาแล้วต้องปีนหน้าอีกตั้ง 4 ปี เลยหายึดอาชีพ หาปลาอยู่ที่ริมทะเลนั้นล่ะ แต่คนที่ต้องการไปต่อเพื่อไปที่เมืองให้ได้ ก็ต้องเดินทางกันต่อไป…

คนอีกฟากนั้นไม่ได้มีแค่เค้าคนเดียวมีคนอีกฟากอีกหลายคนที่มีความตั้งใจนี้  บางคนก็นำทางได้ดี บางคนก็นำทางเฉยๆ บางคนถึงจะนำทางไม่ดีแต่ก็มีความตั้งใจในการพาคนข้ามทะเล แต่จุดประสงค์ของคนนำทางทุกคนก็คือ ต้องการพาคนมาที่ฝั่งนี้ให้ได้ด้วยความหวังดีทั้งนั้น เพราะว่ามันเป็นหน้าที่ที่แสนจะน่าภูมิใจเท่านั้นเอง…….

ผู้เขียน/แต่ง/เรียบเรียง จานหนุ่ม
2010-09-04

Comments are closed.

Looking for something?

Use the form below to search the site:

Still not finding what you're looking for? Drop a comment on a post or contact us so we can take care of it!

Visit our friends!

A few highly recommended friends...